อ่านบทความของอาจารย์สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง “สิงคโปร์ตัวอย่างที่ควรยกย่อง” ในหนังสือพิมพ์มติชนอ่านแล้วน้ำตาจะไหลอย่างที่อาจารย์เขียนอาจารย์สุกรี เขียนบทความนี้หลังจากนำทีมงานวิทยาลัยไปดูงานที่สิงคโปร์เพราะเห็นว่าเป็นประเทศตัวอย่างในเรื่องการบริหารจัดการในทุกเรื่องได้สำเร็จ วันนี้ประเทศสิงคโปร์อายุได้ 51 ปี (ตั้งประเทศ พ.ศ.2508) มีความเจริญก้าวหน้าโดยอาศัยเพียงการบริหารจัดการเท่านั้น เพราะสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรใดๆที่สำคัญมีเฉพาะมันสมองและฝีมือในการบริหารจัดการเท่านั้น หากได้มีการแลกเปลี่ยนผู้นำประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนการบริหารกันบ้างก็น่าจะดี เอาระหว่างชาติประเทศอาเซียนด้วยกันก็คงจะดีไม่น้อย เช่น ให้ผู้บริหารของไทยไปบริหารสิงคโปร์สัก 1 ปี แล้วให้ผู้บริหารสิงคโปร์มาบริหารประเทศไทยสัก 1 ปี ซึ่งก็น่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการบริหาร 1 ปีผ่านไป คนไทยที่ได้ผู้บริหารจากสิงคโปร์ 1 ปี ตื่นขึ้นมาดีใจจนน้ำตาไหลว่าแค่ 1 ปีทำไมจึงเจริญได้ถึงเพียงนี้ ในขณะเดียวกันเมื่อชาวสิงคโปร์ซึ่งได้ผู้บริหารไทยไปใช้บริการ 1 ปี ตื่นขึ้นมาก็คงน้ำตาไหลเช่นกันว่าแค่ 1 ปี สามารถที่จะสร้างความเสียหายได้ถึงเพียงนี้
อาจารย์สุกรี ยกตัวอย่าง ยุง หนู แมลงสาบ (ที่มีอยู่เกลื่อนกรุงเทพมหานคร ขนาดร้านขายกระเป๋า แบรนด์หรูในห้างใหญ่ยังเคยถูกหนูเข้าไปกัดเสียหายมาแล้ว) ว่าสิงคโปร์ไม่มียุง ไม่มีหนู ไม่มีแมลงสาบทั้งๆ ที่เป็นประเทศร้อนชื้นมีอาหารการกินเหมือนเมืองไทยแต่เขาบริหารจัดการยุง กำจัดหนู กำจัดแมลงสาบได้อย่างไรเมื่อเขากำจัดได้ก็เพิ่มรายได้จากลูกค้าชาวตะวันตกที่กลัวยุง กลัวหนุ กลัวแมลงสาบ อาจารย์สุกรียกตัวอย่าง พุทธมณฑลที่อยู่ติดกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ว่า “คิดแค่พื้นๆ หากนายอำเภอพุทธมณฑลร่วมมือกับสำนักพุทธศาสนาสร้างเมืองพุทธมณฑลให้เจริญ เพียงปลูกป่า ปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เหลือๆในเขตของพุทธมณฑล (2500ไร่)ให้ร่มรื่นทำความสะอาดดูแลเอาใจใส่เอาป้ายที่ติดประจานหน่วยงานต่างๆ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของ จัดการกับรถที่เข้าไปจอด และจัดการเหลือบที่เข้าไปทำมาหากินกับพุทธมณฑลรอบๆ พุทธมณฑล พุทธมณฑลก็จะเจริญขึ้นทันทีพื้นที่ป่าเล็กๆในพุทธมณฑลนั้นก็ใหญ่กว่าป่าในสิงคโปร์แล้ว”
บทความอาจารย์สุกรีเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารทุกระดับทั้งในภาครัฐและเอกชน การบริหารจัดการที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้มีอำนาจเองอย่างเรื่องยุง หนู แมลงสาบในกรุงเทพมหานครถ้าวันนี้มีการเปิดท่อระบายน้ำในกทม.แล้วไล่หนู แมลงสาบออกจากท่อไม่รู้จะมีหนูกี่ล้านตัว แมลงสาบอีกกี่สิบล้านตัวที่อาศัยอยู่ในท่อกทม.ที่ไม่เคยมีการบริหารจัดการเรื่องความสะอาดเหมือนสิงคโปร์เลย เรื่องการปลูกต้นไม้ก็เช่นเดียวกันเมื่อ 30 ปีก่อนสื่อเล็กๆ กลุ่มหนึ่งรวมทั้งตัวอาจารย์สุกรีด้วยได้รับเชิญให้ไปดูการถมเกาะของสิงคโปร์ก็ได้เห็นการบริหารจัดการของสิงคโปร์อย่างที่อาจารย์เห็น สมัยนั้นไทยมีพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์เป็นนายกรัฐมนตรีวันหนึ่งสื่อกลุ่มผมได้มีโอกาสสนทนากับนายกฯเกรียงศักดิ์ก็ได้เสนอแนวคิดเรื่องการปลุกต้นไม้ในเมืองแบบสิงคโปร์นายกฯเกรียงศักดิ์เห็นด้วยและสั่งการให้มีการดำเนินการทันที เริ่มจากต้นตาเบบูย่าดอกสีชมพูให้กทม.นำต้นขนาดใหญ่ไปปลูกริมถนนดอกบานแล้วสวยงามมาก แต่ดอกร่วงเร็วคนก็ติว่าทำให้พื้นสกปรกเลยไม่ปลื้ม วันนี้หลังจากคนไทยไปชื่นชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นเห็นดอกซากุระร่วงพลิ้วลงสู่พื้นทำให้พื้นดินเป็นสีชมพูสวยงาม วันนี้คนไทยก็กลับมาชื่นชมความสวยงามของดอกตาเบบูย่าทั้งที่มีมาหลายสิบปีแล้ว
นายกฯเกรียงศักดิ์ยังได้สั่งคนย้ายกองขยะดินแดนซึ่งเป็นที่ตั้งสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ในปัจจุบันเอาขยะไปถมที่รกร้างสร้างเป็น “สวนจตุจักร” ที่ร่มรื่นให้คนกรุงได้พักผ่อน กำจัดภูเขาขยะกลางเมืองออกไปได้แถมยังได้สวนสาธารณะขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ทุกอย่างก็แค่การบริหารจัดการเท่านั้นขอเพียงคิดให้เป็นและตรงไปตรงมา
ข้อมูลจากบทความ หมายเหตุประเทศไทย นสพ.ไทยรัฐ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2559